ศูนย์รวม วัตถุดิบทำขนม ชวนชมเบเกอรี่ ที่มีมากที่สุดแห่งหนึ่ง ครบจบในที่เดียว
วัตถุดิบทำขนม สิ่งสำคัญ คือ ใหม่และสด และ ทันสมัย ซึ่งเรามีสินค้าหมุนเวียนเข้ามาตลอด ลูกค้าทั้งออนไลน์ และ ออนไซด์ รวมประเทศ จัดส่งไปต่างประเทศใกล้เคียงด้วย
วัตถุดิบทำขนม และส่วนผสมต่างๆ ที่ใช้ทำเบเกอรี่หรือขนมหวาน หลักๆ แล้วจะมีแป้ง น้ำตาล และเนย
สำหรับคนทำขนมเพื่อสุขภาพสามารถเลือกสรรวัตถุดิบดีๆ มาทดแทนที่ทั้งอร่อยและเติมประโยชน์ให้กับเมนูต่าง ๆ ของคุณได้
วัตถุดิบทำขนมหรือทำเบเกอรี่
1. แป้งสาลี (Wheat flour) เป็นแป้งที่นิยมทำขนมอบทุกชนิด และไม่สามารถนำแป้งชนิดอื่นมาทดแทนแล้วทำได้ดีเหมือนแป้งสาลี มีคุณสมบัติพิเศษ คือ จะมีโปรตีนอยู่ 2 ชนิดเป็นองค์ประกอบ คือ กลูเตนิน และไกลอะดิน (Glutenin & Gliadin) ซึ่งเมื่อรวมตัวกับน้ำในอัตราส่วนที่เหมาะสม จะเกิดสารเรียกว่า กลูเต็น ( Gluten ) มีลักษณะเป็นยางเหนียวยืดหยุ่นได้สามารถเก็บก๊าซทำให้เกิดโครงร่างแบบฟองน้ำ และจะพองตัวเมื่อได้รับความร้อนจากเตาอบ
2. น้ำตาล (Sugar) เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการทำขนมอบ ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีรสชาติหวาน อร่อย ให้สีน้ำตาลทองแก่ น้ำตาลที่ใช้ในอุตสาหกรรมเบเกอรี่มีอยู่ 3 ประเภท คือ
– น้ำตาลทรายแดง (Yellow or Brown Sugar) นิยมใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการให้เกิดสี หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการกลิ่นหอมและเพื่อสุขภาพ
– น้ำตาลทรายขาว (Granulaled Sugar) ชนิดนี้มีหลายลักษณะซึ่งสามารถใช้ได้ตามความต้องการ เช่น น้ำตาลเม็ดเล็กเหมาะสำหรับในการตีเค้กและคุกกี้ ส่วนเม็ดใหญ่เหมาะสำหรับโรยหน้าขนมเพื่อตกแต่งให้สวยงาม
– น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) เป็นน้ำตาลทรายป่นผสมกับแป้งข้าวโพดอีก 3% เพื่อเป็นการป้องกันการจับตัวเป็นก้อนส่วนมากนิยมใช้ในการตีครีมหรือทำคุกกี้
3. ไขมัน (Fat) ไขมันที่ใช้ในอุตสาหกรรมเบเกอรี่นั้น ได้จากทั้งไขมันจากพืชและไขมันจากสัตว์ สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ซึ่งชนิดของไขมันมีดังนี้
-น้ำมันพืช (Oil) ที่นิยมใช้ในการทำเบเกอรี่ส่วนใหญ่จะผลิตจากถั่วเหลือง ข้าวโพดและเมล็ดดอกทานตะวัน
-น้ำมันหมู (Lard) ไขมันชนิดนี้เหมาะกับการทำขนมที่ต้องการความกรอบ เช่น ขนมเปี๊ยะ หรือกะหรี่ปั๊บ จะทำให้ได้กลิ่นและรสชาดที่ดี
– เนยขาว (Shortening) ส่วนมากจะนิยมใช้สำหรับตีครีม หรือผสมในส่วนผสมที่ต้องการตีให้ขึ้นฟู มีลักษณะเป็นครีมขาวล้วน ไม่มีกลิ่นและรสชาติ
– ไขมันผสมหรือมาร์การีน (Margarine) หรือ เนยเทียม ได้จากการผสมระหว่างไขมันพืชและไขมันสัตว์ ซึ่งต้องการเลียนแบบให้คล้ายคลึงเนยสดมากที่สุด
– เนยสด (Butter) ไขมันชนิดนี้เมื่อนำมาทำขนมแล้วจะช่วยทำให้ขนมมีกลิ่นหอม มีรสชาดและคุณลักษณะที่ดี
4. นม (Milk) ใช้อยู่ 3 ประเภท คือ นมสด นมผง และนมข้นจืดหรือนมสดระเหย เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร และน่ารับประทาน ช่วยให้สีสันเข้มขึ้น
5. สารช่วยฟู มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ขนมมีลักษณะเบาฟูและโปร่ง โดยเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมี ที่นิยมใช้ในงานเบเกอรี่ มีดังนี้
– ยีสต์ (Yeast) เป็นพืชเซลล์เดียวที่เป็นตัวสำคัญทำให้เกิดการหมัก เช่น ขนมปัง โดนัท หรือซาลาเปา ซึ่งสามาถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ ยีสต์จืด คือ ยีสต์ที่ใช้กับขนมปังจืด / ขนมปังทั่วๆไป ที่มีปริมาณน้ำตาลตั้งแต่ 0 – 3% เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักแป้ง เช่นขนมปังแซนด์วิช และ ยีสต์หวาน คือยีสต์ที่ใช้กับขนมปังหวาน ที่มีปริมาณน้ำตาลมากกว่า 3% ขึ้นไป เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักแป้ง เช่น ขนมปังไส้ต่างๆ
– ผงฟู (Baking Powder)
– โซดาไบคาร์บอเนต (Baking Soda)
6. ไข่ไก่ (Egg) ไข่ไก่เป็นวัตถุดิบทำขนมที่สำคัญมากสำหรับทำขนมนานาชนิด การเลือกใช้ไข่ไก่นั้นควรใช้ไข่ไก่ที่สดใหม่และฟองโต หน้าที่ของไข่เป็นตัวทำให้ผลิตภัณฑ์ขึ้นฟู ไข่ไก่จะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์มีสีเข้มขึ้น ช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหา และยังช่วยเพิ่มกลิ่นรส และความเข้มค้น ของขนมให้น่าทานยิ่งขึ้น
7. กลิ่นรสและเครื่องเทศ ส่วนมากจะเลียนแบบกลิ่นจากธรรมชาติได้คล้ายคลึงมาก เช่น กลิ่นใบเตย กลิ่นสตรอเบอร์รี่ กลิ่นวานิลลา เป็นต้น กลิ่นพวกนี้จะระเหยได้ง่าย เวลาใช้เสร็จแล้วควรปิดฝาขวดให้สนิทมิดชิด พ้นแสงแดด ส่วนเครื่องเทศที่นิยมใช้กันคือ อบเชย ลูกจันทน์ป่น ฯลฯ อาจจะอยู่ในรูปของบดละเอียด กลิ่นของเครื่องเทศพวกนี้สามารถระเหยได้ง่าย ฉะนั้นจึงควรเก็บภาชนะที่ปิดฝามิดชิดอีกเช่นกัน
8. สารเสริมคุณภาพ (SP) เป็นสารที่ช่วยเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพที่ออกมามีลักษณะดีกว่าสูตรมาตรฐาน ปัจจุบันมีการคิดค้นสารเสริมคุณภาพออกมาจำหน่ายอย่างมากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อก็ใช้ในปริมาณที่แตกต่างกันไป ได้แก่
Views: 142